‘LONG STAY’ โอกาสใหม่ของเมืองขอนแก่นและอีสาน จุดหมายใหม่ที่ใครก็อยากจะมา ‘ลองอยู่’

เผยแพร่เมื่อ 8 วันที่แล้ว
‘LONG STAY’ โอกาสใหม่ของเมืองขอนแก่นและอีสาน จุดหมายใหม่ที่ใครก็อยากจะมา ‘ลองอยู่’
- “เมื่อเมืองท่องเที่ยวต้องไม่หยุดอยู่แค่การต้อนรับผู้มาเยือน แต่ต้องคิดไกลถึงการเปลี่ยนพวกเขาให้กลายเป็นคนที่รักเมือง เป็นผู้สนับสนุน หรือแม้กระทั่งเป็นผู้อยู่อาศัย”
- เสวนา LONG STAY Talk หัวข้อ: ยุทธศาสตร์การเปลี่ยนผู้มาเยือนให้เป็น “ผู้สนับสนุน” และผู้อยู่อาศัย วิทยากร: ผศ.ดร.ณัฐพงษ์ พันธ์น้อย รองผู้อำนวยการ Center of Excellence in Social Design จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
“นักท่องเที่ยวจะอยู่นานขึ้นได้อย่างไร และจะกลายเป็น ‘ผู้มีส่วนร่วม’ กับเมืองมากกว่าแค่ผู้มาเยือนได้หรือไม่?” คือคำถามสำคัญที่ ผศ.ดร.ณัฐพงษ์ พันธ์น้อย หรือ อ.อั๋น ชวนผู้ฟังในเวทีเสวนานี้ขบคิดร่วมกัน พร้อมชวนมองบทบาทใหม่ของเมืองที่ไม่ได้แค่ “รับ” นักท่องเที่ยว แต่ต้อง “เล่าเรื่อง-ออกแบบประสบการณ์-เปิดโอกาสให้กลับมาอีก”
- ในการบรรยาย ดร.ณัฐพงษ์ อธิบายว่า คำว่า “Long Stay” มีนิยามกว้างกว่าที่คิด ไม่ได้หมายถึงการอยู่เป็นเดือนหรือเป็นปีเท่านั้น แต่อาจเริ่มต้นแค่การ “อยู่นานขึ้น” จากเดิม 2–3 วัน เป็น 7–10 วัน โดยเน้นย้ำว่า “การจะให้คนอยู่ต่อ ต้องมีเหตุผล และต้องมีเงื่อนไขรองรับ” เช่น ความปลอดภัย คุณภาพชีวิต การเดินทาง หรือการเข้าถึงบริการสาธารณะบางประเภท
- ยกตัวอย่างกลุ่มผู้สูงวัยจากญี่ปุ่นที่เลือกมาอยู่ไทยระยะยาว เพราะชื่นชอบอากาศ อาหาร วัฒนธรรม และค่าครองชีพที่เอื้อต่อการใช้ชีวิต การมอง Long Stay จึงไม่ควรจำกัดที่ภาคการท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ควรผนวกเข้ากับระบบเศรษฐกิจและโครงสร้างสังคม เช่น การอยู่อาศัยระยะยาวแบบไม่ย้ายสัญชาติ การรับบริการสุขภาพ การทำงานทางไกล ฯลฯ
- แนวคิดที่สำคัญคือ การเปลี่ยนจาก “นักท่องเที่ยว” เป็น “ผู้สนับสนุน” (Supporter) ซึ่งไม่จำเป็นต้องย้ายมาอยู่ถาวร แต่หมายถึงคนที่รู้สึกผูกพันกับเมือง และมีส่วนร่วมกับการพัฒนาเมืองในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง เช่น การกลับมาใช้บริการซ้ำ การพูดถึงเมืองในทางบวก หรือแม้กระทั่งการลงทุน
การจะทำให้เกิด Long Stay จำเป็นต้องมี “ตัวแปรร่วม” ระหว่างภาครัฐ เอกชน และคนในเมือง เพื่อสร้างระบบที่เปิดรับคนกลุ่มใหม่ในแบบที่เมืองก็ได้ประโยชน์ และผู้มาอยู่ก็รู้สึกมีคุณภาพชีวิตที่ดี ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่า “Long Stay ไม่ใช่ทางลัด” แต่คือการสร้างกลไกระยะยาวที่ต้องออกแบบอย่างรอบคอบ
- ผศ.ดร.ณัฐพงษ์ ยังเสนอกรอบ “ผู้มาเยือน 4 แบบ” ได้แก่ มาเพื่ออยู่นาน, มาเพื่อรักษา, มาเพื่อทำงาน, และมาเพื่อใช้ชีวิต โดยทั้งหมดนี้ต้องอาศัยเงื่อนไขของเมืองที่มากกว่าการเป็นแค่ปลายทางท่องเที่ยว เช่น ความเป็นมิตรของเมือง ระบบวีซ่าที่ยืดหยุ่น โครงสร้างพื้นฐานที่รองรับชีวิตระยะยาว
“การอยู่ ไม่ได้แปลว่าต้องย้ายมาอยู่ถาวร แต่อยู่แล้วรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของเมือง และอยากกลับมาอีก”
- Key Takeaway: เมืองที่ต้องการเป็นจุดหมายปลายทางของ Long Stay ควรสร้างโครงสร้างเชิงระบบเพื่อรองรับการใช้ชีวิตระยะยาวอย่างรอบด้าน โดยไม่จำกัดอยู่แค่การท่องเที่ยว แต่ต้องคิดเชิงสังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และคุณภาพชีวิต เพื่อเปลี่ยนนักเดินทางให้เป็น “ผู้ผูกพันกับเมือง” อย่างแท้จริง** เมืองที่จะเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต ต้องสร้างเงื่อนไขให้ผู้มาเยือนกลายเป็นผู้มีส่วนร่วม ด้วยการออกแบบประสบการณ์ที่ลึกและเชื่อมโยงกับวิถีชีวิตท้องถิ่น และต้องมียุทธศาสตร์ที่เชื่อมโยงระหว่างนโยบาย วัฒนธรรมท้องถิ่น และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเลือกกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสม เช่น ผู้สูงอายุที่ยังแอคทีฟ หรือกลุ่มที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจ
- เสวนา LONG STAY หัวข้อ: ศักยภาพของอีสานสู่การเป็นจุดหมายใหม่ที่ใครก็อยากมา “ลองอยู่” วิทยากร: Xiaokun GaoCountry Manager – Sanook / Image Future (Thailand) / Tencent
อีสานในสายตา Tencent ไม่ได้เป็นเพียงเมืองรอง แต่กำลังกลายเป็นเมืองหลักของอนาคต
- คุณ Xiaokun Gao ผู้บริหารจาก Tencent กล่าวถึงประสบการณ์การทำงานและการใช้ชีวิตในเมืองไทย โดยเฉพาะอีสานผ่านมุมมองของผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยีที่ต้องวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคจากจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตลอดเวลา
- เขาเน้นย้ำว่า ปัจจัยอย่างค่าครองชีพ ความปลอดภัย และความสงบของเมืองอีสาน เป็นสิ่งที่ชาวจีนจำนวนไม่น้อยให้ความสำคัญ โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัว นักธุรกิจรุ่นใหม่ หรือผู้ที่มารับบริการทางการแพทย์ (Medical Stays) ความเรียบง่ายของอีสานเป็นเสน่ห์สำคัญที่ผู้คนแสวงหา เพราะให้ความรู้สึกปลอดภัย ผ่อนคลาย และไม่เร่งรีบ ในขณะเดียวกัน เขายังได้พูดถึง “Don’t” ที่เมืองอีสานควรหลีกเลี่ยง หากต้องการดึงดูดชาวจีน หนึ่งในนั้นคือ “ความรู้สึกไม่ปลอดภัย” โดยเฉพาะในมิติที่อาจมองไม่เห็นซึ่งอาจสร้างความรู้สึกเสี่ยงโดยไม่จำเป็น ดังนั้นการจัดการภาพลักษณ์เมือง และการสื่อสารเชิงบวกเกี่ยวกับความปลอดภัย จึงเป็นหัวใจสำคัญ
- นอกจากนี้ เขายังยกตัวอย่างแบรนด์ไทยที่ได้รับความนิยมในหมู่ผู้บริโภคจีน เช่น เครื่องสำอาง “มิสทีน” (Mistine) และน้ำมะพร้าวแบรนด์ “If” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของไทยในการสร้างภาพลักษณ์ของสินค้าและวัฒนธรรมที่เข้าถึงได้ โดยเฉพาะเมื่อผสานเข้ากับประสบการณ์ท้องถิ่น เช่น การท่องเที่ยวแบบมีสุขภาพ หรือการได้สัมผัสอาหารไทยแท้แบบต้นตำรับ
- เขาเน้นว่าอีสานควรใช้จุดแข็งของงานเทศกาลต่าง ๆ เช่น สงกรานต์ หรือประเพณีท้องถิ่นในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจีน เพราะคนจีนชื่นชอบเทศกาล สนใจการมีส่วนร่วมกับกิจกรรมที่มีสีสัน มีความหมาย และสามารถแบ่งปันภาพความทรงจำเหล่านี้บนแพลตฟอร์มออนไลน์
- เขาเสนอว่าสิ่งสำคัญคือการทำให้อีสานมีโครงสร้างทางวัฒนธรรมที่ชัดเจนและพร้อมต้อนรับ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบประสบการณ์ผู้ใช้ (UX), การใช้เครื่องมือสื่อสารออนไลน์ เช่น WeChat, หรือการจัดกิจกรรมสร้าง Community ที่ช่วยให้เกิดความคุ้นเคย
- เขายังพูดถึงข้อจำกัดด้านโครงสร้างการเดินทางระหว่างประเทศ โดยเฉพาะเส้นทางบินจากจีนมายังอีสานที่ยังไม่สะดวกนัก ผู้โดยสารต้องเปลี่ยนเครื่องหลายต่อ (connecting flight) ซึ่งกลายเป็นอุปสรรคต่อกลุ่มครอบครัวหรือผู้สูงวัยที่ต้องการความสะดวก จึงเสนอว่าควรพิจารณาเริ่มจากการเจาะตลาดจีนตอนใต้ เช่น กวางตุ้ง กวางสี ยูนนาน ซึ่งอยู่ใกล้และเดินทางได้ง่ายกว่านครปักกิ่งหรือเซี่ยงไฮ้
“You don’t need to build a new city. You just need to show how livable this one already is.”(เมืองไม่จำเป็นต้องสร้างใหม่ แค่แสดงให้เห็นว่าน่าอยู่แค่ไหนก็พอ)
- Key Takeaway: หากอีสานต้องการเป็นจุดหมายใหม่สำหรับชาวจีนและเอเชียตะวันออก เมืองจำเป็นต้องมี “โครงสร้างทางวัฒนธรรม” ที่รองรับการใช้ชีวิต ไม่ใช่แค่การท่องเที่ยว ต้องผสมผสานความเป็นท้องถิ่นเข้ากับบริการระดับสากล และใช้เครื่องมือดิจิทัลในการสร้างความไว้วางใจ เช่น การสื่อสารด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ช่องทางออนไลน์ที่คุ้นเคยกับกลุ่มเป้าหมาย และการสร้างวงจรประสบการณ์ที่ทำให้เกิดความประทับใจตั้งแต่วันแรกจนถึงวันกลับ พร้อมลดภาพลักษณ์ของความไม่ปลอดภัยที่อาจเป็นอุปสรรคสำคัญ รวมถึงการเชื่อมโยงเทศกาล วัฒนธรรมท้องถิ่น และสินค้าไทยให้กลายเป็นแรงดึงดูดที่ทรงพลัง** หากอีสานต้องการเป็นจุดหมายใหม่สำหรับชาวจีนและเอเชียตะวันออก เมืองจำเป็นต้องมี “โครงสร้างทางวัฒนธรรม” ที่รองรับการใช้ชีวิต ไม่ใช่แค่การท่องเที่ยว ต้องผสมผสานความเป็นท้องถิ่นเข้ากับบริการระดับสากล และใช้เครื่องมือดิจิทัลในการสร้างความไว้วางใจ เช่น การสื่อสารด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ช่องทางออนไลน์ที่คุ้นเคยกับกลุ่มเป้าหมาย และการสร้างวงจรประสบการณ์ที่ทำให้เกิดความประทับใจตั้งแต่วันแรกจนถึงวันกลับ พร้อมลดภาพลักษณ์ของความไม่ปลอดภัยที่อาจเป็นอุปสรรคสำคัญ
- เสวนา LONG STAY หัวข้อ: “ลอง Stay” Khon Kaen New Destination วิทยากร: คุณธนัฏฐา โกสีหเดช และคุณภิรญา รวงผึ้งทองผู้ก่อตั้ง The Contextual (ที่ปรึกษาด้าน Service Design และ UX Research)
เมื่อ CEA ต้องการขับเคลื่อนขอนแก่นให้กลายเป็นเมืองแห่งการพำนักระยะยาว ทีม The Contextual จึงถูกชวนมาออกแบบประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ Long Stay ตั้งแต่จุดแรกที่มาถึงโรงแรม
- เสวนาช่วงสุดท้ายของเวที Long Stay Talk วางเป้าหมายอย่างชัดเจนว่าจะไม่พูดเรื่อง “ไอเดีย” อย่างลอย ๆ แต่จะลงมือออกแบบบริการจริงในโรงแรมเมืองขอนแก่น ที่ตอบโจทย์ “การอยู่นานขึ้น” และทำให้ผู้มาเยือนได้ใช้ชีวิตในเมืองอย่างแท้จริง
- คุณธนัฏฐาและคุณภิรญา เริ่มจากการอธิบายกระบวนการเก็บข้อมูลและทำวิจัยภาคสนามกับผู้เข้าพักโรงแรม โรงพยาบาล ผู้ประกอบการ และกลุ่มเป้าหมาย 5 กลุ่มหลัก ได้แก่ ดิจิทัลโนแมด (Digital Nomads), กลุ่มทำงานจากที่ไหนก็ได้ (Work from Anywhere), กลุ่มพักฟื้นหรือรักษาตัว (Medical Stay), นักท่องเที่ยวสายกีฬา (Sport Tourism), และนักเดินทางระยะยาว (Long-term Travelers)
- Insight สำคัญที่พบคือ คนกลุ่มนี้ “ไม่ต้องการความหรูหรา” แต่ต้องการ “ความสะดวก ความปลอดภัย ความยืดหยุ่น และความสัมพันธ์ที่เป็นมิตร” เช่น อยากมีครัว อยากมีคนท้องถิ่นแนะนำพื้นที่ อยากพาน้องหมามาพักด้วย อยากได้อาหารเช้าที่กินได้ก่อนตีห้า หรืออยากรู้ว่าจะไปหาหมอหรือไปสนามกอล์ฟได้ยังไง
- จากการพูดคุยกับโรงแรมหลายแห่ง พบว่าโรงแรมมีศักยภาพในการปรับตัวมากกว่าที่คิด เพียงแต่ยังขาดมุมมองใหม่ ๆ ในการมองผู้เข้าพักว่าเป็นมากกว่าแขก แต่คือ “ผู้อยู่อาศัยชั่วคราว” ซึ่งควรมีระบบบริการที่สร้างความรู้สึกเป็นเจ้าบ้านให้กับผู้มาเยือน
The Contextual จึงออกแบบบริการต้นแบบ 10 รายการที่สามารถนำไปทดลองใช้จริงได้ทันที โดยมีโจทย์หลักคือ “ใช้อุปกรณ์เดิม ใช้พื้นที่เดิม แต่ให้ประสบการณ์ใหม่” เช่น:
- Workplace Pass & Space: เปลี่ยนล็อบบี้และสวนของโรงแรมเป็นพื้นที่ทำงานได้จริง พร้อม Wi-Fi และปลั๊ก
- Early Brekkie: อาหารเช้าที่เสิร์ฟเร็วตั้งแต่ตี 4–5 สำหรับนักกีฬา ผู้ป่วย หรือคนที่มีธุระเช้า
- Group Activity Space: พื้นที่จัดกิจกรรมกลุ่ม เช่น เล่นโยคะ ดูหนัง พูดคุย ทำอาหาร
- Door-to-Clinic Service: บริการพาไปโรงพยาบาลใกล้เคียง พร้อมข้อมูลเบื้องต้นและอุปกรณ์ดูแล
- Local Buddy: พนักงานโรงแรมที่ถูกเทรนให้แนะนำเมือง พาเที่ยว หรือตอบคำถามในแบบเพื่อน
- Healing Garden: สวนเล็ก ๆ ที่ให้คนได้อยู่กับธรรมชาติ ทำสมาธิ ปลูกผัก หรือผ่อนคลาย
- Medical Stay Suite: ห้องพักที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยหรือผู้สูงวัย มีอุปกรณ์ช่วยเหลือและพื้นที่โล่ง
- Exercise Facilities: ยืมอุปกรณ์ออกกำลังกาย เช่น เสื่อโยคะ ดัมเบลล์ หรือพาไปวิ่งในเมือง
- Networking Program: จัดกิจกรรมพบปะของผู้เข้าพัก เช่น เวิร์กช็อปหรือมื้อค่ำแบบ informal
- Pet-friendly Room: ห้องที่ต้อนรับสัตว์เลี้ยง พร้อมของใช้พื้นฐานและข้อมูลบริการสัตว์ในพื้นที่
- นอกจากโรงแรม ยังมีกรณีศึกษาของธุรกิจในพื้นที่ เช่น กลุ่มสปา ร้านอาหารคลีน หรือคาเฟ่ ที่มีศักยภาพจะเชื่อมกับระบบ Long Stay ได้ เช่น การจัดอาหารฟื้นฟูหลังผ่าตัด การเชื่อมโยงบริการ delivery กับที่พัก หรือแม้กระทั่งการรวมบริการหลายแห่งเป็นแพ็กเกจสุขภาพในท้องถิ่นเดียวกัน
“ลอง Stay คือการออกแบบบริการที่ทำให้คนไม่รู้จักเมืองนี้…อยากอยู่นานขึ้น และรู้สึกว่าเขาใช้ชีวิตที่นี่ได้”
- Key Takeaway: การออกแบบประสบการณ์สำหรับ Long Stay ไม่ใช่การคิดใหม่จากศูนย์ แต่คือการมองสิ่งที่มีอยู่ให้ลึกขึ้น แล้วจัดระบบใหม่ให้ชีวิตของผู้มาเยือน “ราบรื่น” และมีคุณภาพ ขอนแก่นมีทุกอย่างที่จำเป็นอยู่แล้ว เหลือแค่ต้องเล่าเรื่องใหม่ สร้างระบบบริการที่เชื่อมต่อ และเปิดใจของเจ้าบ้านให้กว้างขึ้น** เมืองขอนแก่นมีศักยภาพที่จะเป็นต้นแบบเมืองพำนักของอนาคต หากสามารถออกแบบบริการให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เฉพาะกลุ่ม และสร้างความร่วมมือระหว่างรัฐ เอกชน และผู้ประกอบการท้องถิ่น เพื่อเปลี่ยนการพักแค่ชั่วคราว ให้กลายเป็นการ “อยู่ต่อ” แบบยั่งยืน ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ ความผูกพัน และการมีส่วนร่วมกับเมือง โดยเฉพาะหากสามารถยกระดับบริการให้เกิดประสบการณ์แบบไร้รอยต่อ (Seamless Experience) และสร้างภาพจำใหม่ให้กับเมืองผ่านการเล่าเรื่องที่มีชีวิต
- เทศกาลอีสานสร้างสรรค์ 2568
- 28 มิ.ย. – 6 ก.ค. 2568
- ติดตามความเคลื่อนไหวและกิจกรรมที่สนใจได้ที่
- Website: isancreativefestival.com
- Line: @isancf
- Facebook: isancreativefestival
- Instagram: @isancreativefestival
- #ISANCREATIVEFESTIVAL
- #เทศกาลอีสานสร้างสรรค์
- #ISANCF2025
- #อีสานโชว์พราว