ท่านกำลังเยี่ยมชมเทศกาลที่ผ่านมา เยี่ยมชมเทศกาลปัจจุบัน

อัพเดทและเที่ยวชมงาน

ชุมชนท่องเที่ยวบ้านหนองส่าน

ชุมชนท่องเที่ยวบ้านหนองส่าน: บ้านหนองส่าน อ.ภูพาน จ.สกลนคร เที่ยวจัดเต็มในหนึ่งวัน ไปยังชุมชนท่องเที่ยวบ้านหนองส่าน ต.โคกภู อ.ภูพาน จ.สกลนคร หมู่บ้านแห่งนี้มีเอกลักษณ์โดดเด่นเป็นชุมชนไทญ้อที่ยังคงวิถีชีวิตการเกษตร และมีฝีมืองานทอผ้าย้อมครามอันน่าหลงใหล ท่องเที่ยวบ้านหนองส่านครั้งนี้จะพาทุกคนไปลองทำกิจกรรมเกษตรตามฤดูกาล ลองย้อมผ้าครามให้ตัวเองสักผืน ปิดท้ายด้วยกิจกรรม “มีแฮง” กับการนวดแผนไทยให้ร่างกายได้ฟื้นฟูสดชื่นก่อนกลับ แพ็กเกจนี้ท่องเที่ยวชุมชนบ้านหนองส่าน จัดทำขึ้นเป็นพิเศษเพื่อ Isan Creative Festival 2021 งานนี้เท่านั้น รายละเอียดท่องเที่ยว One day trip มีดังนี้ 10.00 เดินทางถึงชุมชนบ้านหนองส่าน หมู่บ้านบนภูเขาของ “ชาวญ้อ ไทภู” (ชาวญ้อที่อาศัยอยู่บนภูเขา) ภูมิอากาศของบริเวณพื้นที่บ้านหนองส่านเย็นสบายตลอดปี และมีสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่สมบูรณ์ 10.15 เดินทางไปทำกิจกรรม local food ที่สวนเกษตร เพื่อเก็บผักปลอดสารพิษ และทำอาหารร่วมกัน ในช่วงเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม อยู่ในช่วงฤดูดำนา นักท่องเที่ยวก็จะมีโอกาสได้ร่วมกิจกรรมดำนา และ หากไปเยือนบ้านหนองส่านในช่วงฤดูเกี่ยวข้าว ก็จะได้สัมผัสคมเคียว แล้วลุยเกี่ยวข้าวดูสักครั้ง กิจกรรมการเกษตรที่นักท่องเที่ยวจะได้ทำ จะอิงกับวิถีชีวิตโดยปกติของคนในชุมชน 12.00 ถึงเวลามื้อเที่ยง ก็ร่วมกันทานข้าวเที่ยงแบบอีสาน 13.30 เดินทางกลับเข้าหมู่บ้านเพื่อทำกิจกรรมเวิร์คช็อปผ้าย้อมคราม ผ้ามัดย้อมที่ได้ลงมือทำจะเป็นของที่ระลึกติดไม้ติดมือกลับบ้านเป็นงานฝีมือของตัวเองกันคนละ 1 ผืน 15.00 ลุยกิจกรรมมาทั้งวัน ก็ถึงเวลารีเฟรชร่างกายให้ผ่อนคลายกับ นวดสมุนไพรแบบ”มีแฮง ทริป” ในบรรยากาศสดชื่นลมเย็นสบายของสิ่งแวดล้อมในหมู่บ้านหนองส่าาน ให้ร่างกายจากความเหนื่อยล้าและเติมเต็มชีวิตชีวาก่อนกลับ 15.30 บอกลาบ้านหนองส่าน พร้อมของที่ระลึกอันสวยงามจากภูมิปัญญาชาวบ้าน แต่ฝีมือของเราเอง . ค่าใช้จ่าย 1,500 บาทต่อคน พิเศษ ลงทะเบียนจองแพ็กเกจในช่วง ISANCF 2021 รับทันที ส่วนลด 100 บาท (จำกัด 30 สิทธิ์) *เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 สามารถลงทะเบียนจองแพ็กเกจ และรับส่วนลด โดยไม่มีวันหมดอายุ จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น Link for Register: CONTACT: Tel: (062) 428 2247 – คุณหมิว Facebook: CBT Ban Nongsan ชุมชนท่องเที่ยวบ้านหนองส่าน

ARCHITECTURE TOUR: Old and New: Nostalgia through architecture

“เก่าผสานใหม่ ความคำนึงผ่านงานสถาปัตยกรรม” งานสถาปัตยกรรม ถือเป็นบันทึกทางประวัติศาสตร์อย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะเมืองโบราณนับพันปี หรือเมืองใหม่อายุร้อยปี เรามักได้เรียนรู้เรื่องราวจากอดีตผ่านงานสถาปัตย์เสมอ ตั้งแต่วัดวาอาราม สถานที่ราชการ อาคารร้านค้า ไปจนถึงบ้านพักอาศัย และพัฒนาการของเมืองขอนแก่น ในช่วงนับร้อยปีมานี้ ก็นับว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจศึกษา และย้อนเวลากลับไปทบทวนถึงวันวาน ว่ามีเรื่องเล่าขานใดบ้างที่ถูกส่งผ่านมากับงานสถาปัตยกรรมโดยรอบของเมือง วันนี้เราจึงขอชวนทุกคนออกไปนั่ง “รถสองแถว” ยานพาหนะคู่เมืองขอนแก่น ไปเที่ยวชมสถาปัตยกรรมในเมืองใหญ่แห่งนี้ โดยเฉพาะย่านศรีจันทร์และถนนรื่นรมย์ ย่านการค้าที่เคยรุ่งเรืองในอดีต และกำลังพลิกฟื้นคืนมาในปัจจุบันเพื่อจะได้เห็นถึงพัฒนาการของเมืองขอนแก่นที่เริ่มเฟื่องฟูด้วยความศิวิไลซ์ ตั้งแต่ช่วง พ.ศ 2480 เป็นต้นไป ผ่านตึกรามบ้านช่องและอาคารสถานที่ต่างๆ ด้วยสายตาของนักออกแบบบ้าน นำเส้นทางโดย (ว่าที่)สถาปนิกจากรั้วมหาวิทยาลัยขอนแก่น อาคารบ้านรถไฟ (พ.ศ.2500) “อาคารบ้านรถไฟ”เป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลมาจากบ้านสไตล์โคโลเนี่ยล (Colonial Style) และเป็นแบบบ้านที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการสร้างบ้านพักรถไฟทั่วประเทศ การมาถึงของ “สถานีรถไฟขอนแก่น” เกิดขึ้นจากอิทธิพลด้านเศรษฐกิจของจังหวัด โดยเมื่อปี พ.ศ.2500 ธนาคารแห่งประเทศไทย (แบงค์ชาติ) ได้เข้ามาตั้งสำนักงานอยู่ที่เมืองขอนแก่น ส่งผลให้ขอนแก่นกลายเป็นศูนย์กลางทางการเงินของภาคอีสาน มีการพัฒนาด้านคมนาคมขนส่ง ด้วยการสร้างสถานีรถไฟขึ้นที่นี่ พร้อมกับบ้านพักสำหรับบุคลากรของการรถไฟไทย ถือได้ว่าช่วงนั้น คือ ยุครุ่งเรืองอีกยุคหนึ่งของเมืองขอนแก่น ส่งผลอาคารชุดบ้านรถไฟนี้มีอิทธิพลกับอาคารบ้านเรือน ที่มีรูปแบบเป็นบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้ในยุคถัดมา พระธรรมขันต์โอสถ แผนกโรงพิมพ์ (พ.ศ.2481) – The Wall (ปัจจุบัน) “THE WALL” เป็น Community mall แห่งใหม่ของจังหวัดขอนแก่น คุณเอิร์ธเจ้าของพื้นที่ เล่าว่า เมื่อแรกเริ่มพระธรรมขันต์คือธุรกิจขายยาแผนโบราณ ก่อนจะสร้างโรงพิมพ์พระธรรมขันต์ขึ้นมาเพื่อผลิตบรรจุภัณฑ์ยา เพื่อเอื้อหนุนกิจการขายยา แต่เมื่อกระแสโลกเปลี่ยน ธุรกิจย่อมเปลี่ยน ธุรกิจยาแผนโบราณและงานสิ่งพิมพ์เปลี่ยนไปจากเดิมมาก คุณเอิร์ธจึงผุดโปรเจค ปรับเปลี่ยนการใช้งานอาคารโรงพิมพ์เก่าให้เป็นสถานที่สาธารณะ เพื่อตอบโจทย์ชีวิตคนรุ่นใหม่ ทำให้สถานที่นี้มีชีวิตชีวามากขึ้น ซึ่งด้านในร้านค้าของโครงการ ก็ยังคงรักษาโรงพิมพ์อันเก่าแก่ไว้ด้านใน ภายในพื้นที่โครงการ The Wall มีการวางผังโครงการให้สถานที่นี้มีความน่าสนใจทางสถาปัตยกรรม ใช้วัสดุดั้งเดิม ของเก่าในการตกแต่ง มีจุดถ่ายรูปชิคๆ อาคารเท่ๆ ภาพวาด Graffiti บนผนัง ที่นำเสนอภาพชีวิตของคนในละแวกร้านค้าไว้ กลายเป็นสถานที่แห่งความทรงจำแห่งหนึ่งของขอนแก่น Dot Limited – ด็อต ลิมิเต็ด (พ.ศ.2494) แก่อายุเกินครึ่งศตวรรษได้ถูกแปลงโฉมเป็นร้านขายสินค้าอุปโภคบริโภคแบบรีฟิล (Refill) และอุปกรณ์เครื่องใช้รักษ์โลก ตามแนวคิด Zero Waste นามว่า “Dot Limited” – ด็อต ลิมิเต็ด ในแง่ของสถาปัตยกรรม ร้านDot Limted ได้ปรับสร้างอาคารเก่าจากวัสดุเดิม แทนการทำร้านจากการสร้างอาคารขึ้นมาใหม่ ซึ่งเป็นการใช้ทรัพยากรธรรมชาติโลก และเป็นการทำลายสิ่งแวดล้อมจากการก่อสร้างทางอ้อมตัวอาคารของร้านยังคงตามรูปแบบอาคารร้านค้าในสมัย พ.ศ. 2500 โดยตัวอาคารเป็นไม้ หลังคาสังกะสี และมีระเบียงด้านบน ใช้รูปลักษณ์จากวันวานยืนโดดเด่นท่ามกลางเมืองสมัยปัจจุบัน   โรงแรมแกรนด์โฮเต็ล (พ.ศ.2513) โรงแรมแกรนด์โฮเต็ล โรงแรมลับย่านถนนศรีจันทร์ ตั้งอยู่กลางตัวเมืองขอนแก่น เป็นโรงแรมแบบยืนเดี่ยว​ (Stand Alone) มีชื่อเสียงเป็นลำดับต้นๆของเมืองขอนแก่น โรงแรมแห่งนี้ถูกออกแบบการสร้างให้เป็นสถาปัตยกรรมที่ดูทันสมัย เพื่อรองรับแขกบ้านแขกเมืองที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่ในช่วงเวลานั้น ลักษณะที่โดดเด่นของโรงแรมแกรนด์โฮเต็ล ก็คือ มีการออกแบบโดยใช้เส้นสายรูปและทรงเรขาคณิตผสานกัน ทั้งเส้นตรงประกอบกับเส้นโค้ง ผนังด้านนอกมีการออกแบบให้กันแดดกันฝนได้ กลายเป็นองค์ประกอบที่แสดงเอกลักษณ์ของตัวอาคาร สะท้อนความงามที่เกิดจากแสงและเงาตามแบบอย่างอาคารโมเดิร์น นอกจากนี้ ด้านหน้าอาคารทั้งสองข้างยังมีองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมที่สวยงามอย่าง “บันไดเวียน” สำหรับสัญจรขึ้นลงอาคาร ที่จะพบเห็นได้ก็แต่ตามอาคารหรูหราในสมัยนั้น   ธนาคารกรุงเทพ สาขาขอนแก่น (2500 – ปัจจุบัน) จากการที่เมืองขอนแก่นเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของภาคอีสาน มีสถาบันการเงินจำนวนมาก มาตั้งศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนทางการค้าขึ้นในเมืองแห่งนี้ รูปแบบสถาปัตยกรรมของอาคารสถาบันการเงินในยุคนั้นจึงมีความทันสมัยและผสมผสานรูปแบบอาคารที่ได้รับอิทธิพลจากแนวทางตะวันตก คือ สถานปัตยกรรมคลาสสิค ที่เน้นความสมมาตรเท่ากันทั้งสองข้าง ประกอบกับมีลักษณะระเบียงเป็นเสาลอยตั้งอยู่บนฐานที่ยกสูงและหน้าจั่วสามเหลี่ยมด้านหน้าของอาคารซึ่งแสดงถึงความมั่นคง และสง่างาม   ร้านกาแฟรักอัน (2498) ตัวอาคารดั้งเดิมของร้านกาแฟรักอัน สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ 2498 เป็นอาคารไม้ครึ่งปูนครึ่งไม้ และได้รับการปรับเปลี่ยนการใช้งาน เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ ซึ่งคำว่า รัก (樂) แปลว่า สนุกสนาน ร่าเริงแจ่มใส คำว่า อัน (安) แปลว่า ปลอดภัยและสบายใจ “รักอัน” จึงกลายเป็นชื่อร้านค้าที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในเมืองขอนแก่น ภายในร้านได้บรรยากาศบ้านไม้เก่า รูปแบบอาคารร้านค้าในยุคปีพ.ศ.2490 – 2510 เฟอร์นิเจอร์ภายในร้านส่วนใหญ่ยังคงเป็นของเก่าดั้งเดิม ที่เจ้าของร้านตั้งใจเอามาให้ทุกคนได้ชม และมีการนำวัสดุดั้งเดิมมาใช้ในการตกแต่ง เช่น กระจกสีโบราณ การฉาบผนังปูนผสมสีซึ่งเป็นวิธีการก่อสร้างที่นิยมทำในช่วงเวลานั้น เป็นต้น เวลาการเดินทาง 7.30 น. นัดรวมพล แจกเอกสาร บันทึกและ แผนที่สถานที่แก่ผู้ร่วมงาน อธิบายทำความเข้าใจกับเส้นทางที่เราจะเดินทางไป 7.45 น. รถออกเดินทาง (ใช้เวลาเดินทาง15 นาที) TCDC – ในเมือง 8.00 น. จุดStart ศาลหลักเมือง (นั่งรถฟังบรรยาย ถึงสถานที่ต่างๆที่รถวิ่งผ่าน) 1. ศาลหลักเมือง 2.รักอันคอฟฟี่ – ทำความเข้าใจของเก่าความหมาย และวัตถุประสงค์ – ประวัติความเป็นมาของย่านชุมชน – วิเคราะห์เชิงรูปแบบสถาปัตยกรรม 8.30 น. 3.บ้านพักรถไฟ – ความเป็นมาเชื่อมโยงความเป็นมาต่อจากรักอัน 9.00 น. รถสองแถวแวะจอดที่ The Wall 4. The wall (30นาที) – อธิบายร้านเภสัช ที่มีความเชื่อมโยงกับโรงพิมพ์พระธรรมขันต์ – อธิบายในที่ไปที่มาจนเกิด The wall และแง่ของงานสถาปัตยกรรม – ช่วงเวลาพักเบรคอาหารและเครื่องดื่ม – นักท่องเที่ยวเดินเล่นตามอัธยาศัย 15 นาที 9.30 น. นั่งรถสองแถมมาแวะยังร้าน Dot Limited 5. DOT limited ทำกิจกรรมจากทางร้าน – เล่าเรื่องรูปแบบอาคารในระหว่างเดินรถ – เข้าชมร้าน – เวิร์คช็อป “eco printing” พิมพ์ผ้าด้วยวัสดุธรรมชาติ *มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม 300 บาท/คน 10.20 6. 2499 café + ตึกแถวย่านศรีจันทร์ *ทางผ่าน – เล่าเรื่องการตกแต่งร้าน การตกแต่งภาพลักษณ์ในงานสถาปัตยกรรม 10.30 น. แวะชมโรงแรมร้างในย่านศรีจันทร์ โรงแรมแกรนด์โฮเต็ล – อธิบายในแง่ของงานสถาปัตยกรรม 10 นาที – workshop การถ่ายรูป 30 นาที(มือถือ) ** พิเศษกิจกรรมเวิร์คช็อป ถ่ายภาพ เฉพาะในช่วงเทศกาล ISAN CREATIVE FESTIVAL 2021เท่านั้น ** 11.10 น. นั่งรถสองแถวชมเมืองกันต่อ เพื่อชี้จุดสถานที่ๆมีงานสถาปัตยกรรมโดดเด่น 8. ธนาคารกรุงเทพ นั่งรถ 11.20 น. มายังจุดจอดสถานีสุดท้ายของทริป 9. ชมงานสถาปัตยกรรมของร้านรักอัน และร่วมให้กำลังใจแก่งานแสดงผลงานของนักศึกษา ณ​ ภายในบริเวณร้านรักอันนั่นเอง    

หลังฮ่าน: The Hidden Life Behind Show

“หลังฮ่าน: The Hidden Life Behind Show” . นิทรรศการภาพถ่ายขาว-ดํา ผสมผสานศิลปะจัดวาง (Installation Art) เล่าเรื่องราวหลังม่านวงการหมอลําลูกทุ่งในมุมมองต่างๆ อย่างเจาะลึก ตั้งแต่วิถีหลังเวทีของหลากหลายชีวิต การแสดงหน้าเวทีสุดม่วน ไปจนถึงธุรกิจท้องถิ่นที่คลุกคลีกับแวดวงอุตสาหกรรมบันเทิงอีสาน  พิกัด: สมบัติทัวร์ สถานีขนส่งปรับอากาศ ขอนแก่น  วัน/เวลา : 23 กรกฎาคม – 15 สิงหาคม 2564/ 11.00 – 20.00 น. #ISANCF2021 #อีสานสร้างสรรค์ #isancreativefestival

SRICHAN – Meet and Eat Old town

SRICHAN – Meet and Eat Old town เส้นทางเที่ยวร้อยเรียงเรื่องราว จากที่มาของชื่อ “ศรีจันทร์”พบปะผู้คนต่างวัฒนธรรมและต่างเชื้อชาติที่หลั่งไหลเข้าสู่เมืองขอนแก่นตั้งแต่ครั้งอดีตสัมผัสอาหารรสเลิศและวิถีชีวิตในย่านที่ถูกเปลี่ยนผ่านด้วยกาลเวลา เป็นการ Meet and Greet อย่างใกล้ชิดกับ “ย่านศรีจันทร์” และ Eat กันแบบ Exclusive กับอาหารต่างวัฒนธรรมกันในร้านรวงที่คนท้องถิ่นเมืองขอนแก่นเท่านั้น ถึงจะแนะนำคุณได้อย่างถึงแก่น . เริ่มเส้นทางสำรวจย่านศรีจันทร์ด้วยการ Check in at SRICHAN, KHON KAEN ณ สถานที่อันเป็นที่มาของชื่อย่านอย่าง “วัดศรีจันทร์” พระอารามหลวงกลางเมืองขอนแก่นวัดแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ 2368 หรือเกือบ 200 ปี แม้ตัววัดจะปรับเปลี่ยนตามวิถีของเมือง แต่ความสำคัญของวัดแห่งนี้ยังเป็นอยู่คู่วิถีชีวิตคนที่นี่ไม่เคยเปลี่ยน . เดินเท้าเข้าสู่เวิ้งการค้า ตึกแถวบ้านเช่าอันเป็นศาสสมบัติของวัดศรีจันทร์ คล้ายเป็นจุดเริ่มต้นของย่านศรีจันทร์ เวิ้งการค้าแห่งนี้เป็นที่ตั้งของร้านค้าและร้านอาหารรสเด็ดมากมายเราจึงขอเลือกอาหารทานเล่น ให้กินกันรองท้องในมื้อสาย ด้วยน้ำเตาหู้เตาถ่าน จาก “ร้านน้ำเต้าหู้ร้อยปี” ของคุณตาคุณยายที่เปิดขายมานานถึงสามรุ่น น้ำเต้าหู้ของร้านนี้ใช้กะลามะพร้าวเป็นเชื้อเพลิง ทำให้กลิ่นน้ำเต้าหู้ของที่นี่หอมกลิ่นควันที่เป็นเอกลักษณ์หาทานไม่ได้ง่ายๆมีนม(ถั่วเหลือง)แล้ว ก็ต้องมีขนมของว่างทานคู่กันไป เดินออกจากร้านน้ำเต้าหู้ก็ปะทะ “ร้านครัวหยก” สั่งขนมปังหน้าหมูที่ทางร้านพิถีพิถันทำเองทุกขั้นตอน อร่อยเพลินมากๆ (เหมาน้ำเต้าหู้ จากร้านน้ำเต้าหู้ร้อยปี) (เติมพลังทัพด้วย ขนมปังหน้าหมู จากร้านครัวหยก) . ก่อนจะเดินไปถ่ายรูปกับสถาปัตยกรรมสุดชิคของ “โรงแรมแกรนด์โฮเต็ล” โรงแรมร้างที่ซ่อนตัวอย่างเงียบเชียบ รอให้ทุกคนไปประสบกับความงามของสถาปัตยกรรมยุค80 . เดินเล่นจนทั่วเวิ้งการค้าข้างวัดศรัจันทร์แล้ว ก็ถึงเวลามุ่งหน้าลัดเลาะเมือง จากถนนศรีจันทร์ไปตามถนนหลังเมืองโดยมีจุดปล่อยตัวที่ “ร้านเองเกฮึ้ง” ร้านยาแผนโบราณทั้งแผนจีนและแผนไทย สั่งน้ำจับเลี้ยงเย็นสดชื่น สูตรตำรับยาของทางร้าน พกติดตัวไประหว่างออกเดิน เดินเท้าชมเมือง ด้วยระยะทางประมาณ 500 เมตรจากถนนศรีจันทร์ ไปตามถนนหลังเมืองพบกับร้านขายของเล่น ตรอกสตรีทอาร์ท คาเฟ่2499 ที่ยังหลงเหลือเค้าลางของความเจริญที่ถูกเปลี่ยนผ่านไปแล้ว . ทานมื้อเที่ยงด้วยอาหารเวียดนามของ “ร้านซุปเปอร์หมู” ร่วมกิจกรรมเวิร์คช็อป ลงมือทำ “ปอเปี๊ยะไข่” เมนูเด็ดของทางร้านซุปเปอร์หมู หนึ่งเดียวในขอนแก่น ปิดท้ายทริป MEET and EAT ที่ร้าน MAP Café ภายในตึก1502 เพื่อชมนิทรรศการ “ลงแขก” โดย Design & Objects Association ซึ่งจัดแสดงภายในตึก 1502 ทั้ง 3 ชั้น . วิถีชีวิต อาหาร และอาคารบ้านเรือน ในละแวกวัดศรีจันทร์แสดงให้เห็นถึงภาพจากอดีตของเมืองขอนแก่น อันก่อตัวขึ้นจากการหลอมรวมกันของผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งไทย จีน และเวียดนามเกิดเป็นเส้นทางเที่ยวสั้นๆง่ายๆ เดินเท้าสลับนั่งรถสองแถวชมเมือง เพลินตา เพลินใจ และเพลินท้องอย่าบอกใคร   เวลาเดินทาง 9.00 น. START ขึ้นรถสองแถวจากจุดขึ้นรถ TCDC 9.30 น. CHECK IN @ศรีจันทร์ รถสองแถวส่งนักท่องเที่ยว ถึง “วัดศรีจันทร์” พระอารามหลวง 9.45 น. MEET เวิ้งการค้าชาวจีนข้างวัดศรีจันทร์ EAT น้ำเต้าหู้ถ่านกะลามะพร้าว ร้านน้ำเต้าหู้ 100 ปี ขนมปังหน้าหมู / เผือกทอด / เต้าหู้ทอด ร้านครัวหยก HIGHLIGHT โรงแรมแกรนด์โฮเต็ล สถานที่จัด “หมอลำบาร์” อีเว้นท์สุดสร้างสรรค์ของ ISAN CREATIVE FESTIVAL 2021 10.45 น. รวมพลกันที่หน้าร้านยา ขอนแก่นรวมแพทย์ 11.00 น. Walk Around จาก ถ.ศรีจันทร์ ไปตามถนนหลังเมือง (มุ่งหน้าผ่านโรงเรียนกัลยาณวัตร) MEET ร้านขายยาจีนเองเกฮึ้ง, ร้านขายส่งขนมและของเด็กเล่นเก่าแก่, ตรอกสตรีทอาร์ท ศาลเจ้าศูนย์ร่วมกตัญญู, ร้านกาแฟ2499, ร้านDot Limited EAT น้ำจับเลี้ยงสูตรโบราณของร้านเองเกฮึ้ง 12.00 น. EAT ทานมื้อเที่ยง “ร้านซุปเปอร์หมู” อาหารเวียดนาม HIGHLIGHT กิจกรรมพิเศษจากร้านซุปเปอร์หมู ทดลองทำ “ปากหม้อไข่” อาหารเวียดนามขึ้นชื่อของร้านและเป็นเจ้าเดียวในขอนแก่น 12.30 น. นั่งรถสองแถวไปยังร้านกาแฟ MAP at ตึก1502 ถ.ศรีจันทร์ MEET ชมนิทรรศการ “ลงแขก” โดย Design & Object Association ซึ่งจัดแสดงภายในตึก 1502 ทั้ง 3 ชั้น EAT กาแฟและขนมโฮมเมดจากทางร้าน MAP  

เที่ยววิถีสีชมพู The Way of Si Chom Pu

เที่ยววิถีสีชมพู The Way of Si Chom Pu Si Chom Pu District, KHONKAEN – อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น “ขอนแก่นมีแบบนี้ด้วยเหรอ?” นี่คือคำถามสุดทึ่งของทุกคนที่ได้มาเยือน ชุมชนดงลาน อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น ชุมชนแห่งนี้ล้อมรอบไปด้วยหมู่ภูเขาหินปูนสุดลูกหูลูกตาที่โอบล้อมรอบหมู่บ้านน้อยใหญ่ ผืนดินอุดมด้วยพืชผลทางการเกษตร และแวดล้อมด้วยธรรมชาติที่บริสุทธิ์ “เที่ยววิถีสีชมพู” ทริปเที่ยวเล่น ผจญภัย เรียนรู้กันแบบเรียลๆ จัดเต็มกันตลอด 2 วัน 1 คืน ในพื้นที่ที่ได้ชื่อว่า “ตะเข็บชายแดนจังหวัดขอนแก่น” มนต์เสน่ห์แบบไหนที่กำลังรอคุณอยู่พื้นที่อำเภอสีชมพู มาร่วมค้นหาไปด้วยกัน DAY 1: เริ่มต้นทริปด้วยกิจกรรมโอบกอดต้นสนคาริเบีย ณ สวนสนดงลาน ริมทางหลวงหมายเลขที่ 201 (เส้นทางเชื่อมต่อจังหวัดขอนแก่น ไปสู่จังหวัดเลย) เข้าสู่เขตตำบลดงลาน อำเภอสีชมพู ด้วยการขับรถรับความสดชื่น ภายใต้ร่มเงาของอุโมงค์ต้นไม้สองข้างทางของป่าดงลาน เป็นระยะทาง 7 กิโลเมตร เช็คอินสถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรกของดงลานกัน ที่ไร่ภัทราวรินทร์ เพื่อดื่มน้ำเย็นๆ และกินผลไม้สดๆจากไร่ ชมทุ่งนาและบรรยากาศของพื้นที่ไร่ท่ามกลางหุบเขาล้อมรอบอันสวยงามสุดลูกลูกตา มะละกอสุก มันทอด ข้าวต้มมัดไส้กล้วย ของว่างทุกอย่างล้วนประกอบขึ้นจากผลผลิตของไร่ ถึงเวลาไปเดินทอดหุ่ย ลุยป่า นั่งพักที่ริมลำธารน้ำใส และผ่อนคลายไปกับกิจกรรมทำงานศิลปะจากวัสดุธรรมชาติ ทำงานศิลปะไปพลางฟังเสียงน้ำไหลในลำธาร เคล้าเสียงนก แมลง ร้องเพลงประสานในท่วงทำนองธรรมชาติ กลับเข้าสู่ชุมชน เก็บของเข้าที่พัก และรับประทานอาหารกลางวัน รสเด็ดฝีมือชาวบ้าน ช่วงบ่ายถึงคิวขาลุยกันไปอีกขั้น ด้วยกิจกรรมผจญภัยเพิ่มกล้ามขา ด้วยการขึ้นเขา เข้าถ้ำ แถมด้วยปีนผา ไปชมวิวกว้างของชุมชนดงลานกันในมุมสูง แล้วคุณจะพบกับภาพบรรยากาศที่ไม่เคยคาดคิดว่า “ขอนแก่นมีที่แบบนี้ด้วย” ช่วงเย็น แดดร่มลมตก อากาศเริ่มเย็นสบาย เป็นช่วงเวลาที่ควรหย่อนกาย นั่งรถอีแต๋นชมวิว เรียบทิวเขาน้อยใหญ่ สลับกับหมู่บ้านและวิถีชุมชนที่อยู่ร่วมกันในพื้นที่แห่งนี้ ค่ำคืน รับประทานอาหารเย็นฝีมือคุณยาย และหย่อนกาย สบายใจ หลังจากผ่านการผจญภัยมาทั้งวันกันที่โฮมสเตย์ วิวภูเขา 180 องศา . DAY2: ถือโอกาสพิเศษนี้ตื่นแต่เช้ามานั่งรถซาเล้งชมภูเขา ฟังเล่าเรื่องของชุมชนรับแสงอรุณแรกของวัน เปิดท้ายรถซาเล้ง ทำกาแฟดริปง่ายๆดื่มกันท่ามกลางสวนไร่ยามเช้า ปิดท้ายทริปกันที่ “ไร่ปูริดา” เพื่อเที่ยวชมสวนผสมผสานตามแนวคิดเกษตรทฤษฎีใหม่ มีสัตว์เลี้ยงในไร่น่ารักน่าเอ็นดู ทั้งหมูแคระ และ ฝูงห่าน แถมยังมีกิจกรรม “ใส่ไซกุ้ง” หรือวางดักจับกุ้งฝอย ที่ทางไร่เพาะเลี้ยงไว้ เพื่อนำไปประกอบอาหาร จบทริป ทุกคนสามารถสนับสนุนสินค้าของชุมชนเป็นของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้านได้อีกด้วย ทริป 2 วัน 1 คืน : 7-8 สิงหาคม 2564 Link for Register: Tel: 095-170-9289 – คุณนุ (Nu) Facebook: เที่ยววิถีสีชมพู ค่าใช้จ่าย ปกติ 2,000 บาทต่อคน พิเศษในช่วงเทศกาล รับส่วนลด 500 บาท (จำกัด 6 สิทธิ์ เท่านั้น)  

“มนต์รักเพลงอีสาน..บ้านขี้เหล็กใหญ่”

“มนต์รักเพลงอีสาน..บ้านขี้เหล็กใหญ่”: บ้านขี้เหล็กใหญ่ อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ท่ามกลางแสงแดดจ้า ข้าวในแปลงนาเขียวชะอุ่ม แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของผืนดินลุ่มน้ำบ้านขี้เหล็กใหญ่ อ.เมือง จ.ชัยภูมิ พอขึ้นจากไร่นา ดนตรีคือการละเล่นความบันเทิงในสายเลือดของคนหมู่บ้านนี้ เสียงแคน เสียงพิณ และเสียงกลอง สอดประสานกันในท่วงทำนองหมอลำอีสาน ผู้คนที่นี่..ชุมชนแห่งนี้..คือ หมู่บ้านที่มีดนตรีอีสานอยู่ในสายธารชีวิตสืบมาจากรุ่นสู่รุ่น และคุณอาจได้พบเห็นภาพเหล่านี้หากได้มาเยือน… วันนี้ CEA ขอนแก่น ขอพาทุกคนไปรู้จัก “วิถีดนตรีอีสาน บ้านขี้เหล็กใหญ่” เข้าไปเรียนรู้วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของคนที่นี่คลอเสียงดนตรีพื้นบ้านอีสาน ถึงหมู่บ้านหมอแคนในตำนานแห่งเมืองพญาแล “บ้านขี้เหล็กใหญ่ อ.เมือง จ.ชัยภูมิ” ชุมชนละแวกศาลเจ้าพ่อพญาแล สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองชัยภูมิ ไปฝึกตีกลองเส็ง กลองแข่งขันประกวดมาแต่โบราณ ไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์ปราชญ์ชาวบ้าน พ่อครูแคนแห่งวงแคนยาว หนึ่งเดียวในประเทศไทย และได้ลองเวิร์คช็อปทำอาหารอีสานและลิ้มลองรสชาติ “แกงขี้เหล็ก” และ “ข้าวลอย” วัตถุดิบอาหารพื้นถิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของชุมชนบ้านขี้เหล็กใหญ่ ให้ทุกคนได้ลองสัมผัสวิถีชีวิตหมอแคนสักครั้ง ให้ม่วนใจไม่รู้ลืม HIGHLIGHT OF THE TRIP จุดนัดพบของทริปนี้ เริ่มต้นที่ “วัดบริบูรณ์” วัดประจำหมู่บ้านของบ้านขี้เหล็กใหญ่ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ วัดแห่งนี้มีการอนุรักษ์กลองเพล อายุมากกว่า 200 ปี โดยที่ยังมีการใช้งานจริง และชาวบ้านยังบูรณะกลองโบราณนี้สืบเนื่องมาโดยไม่ขาด ซึ่งเป็นการสืบสานวิธีการทำกลองตามแบบโบราณที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน และที่ลานวัดบริบูรณ์ บ้านขี้เหล็กใหญ่นี้เอง คือ จุดรวมตัวของผู้สืบสานอนุรักษ์กลองโบราณ มาทำความรู้จักกับ “กลองเส็ง” เครื่องดนตรีชิ้นใหญ่ เสียงกึกก้อง และฟังเรื่องเล่าจากปราชญ์กลองของชุมชน ก่อนจะปิดท้ายด้วยการสาธิต “แข่งขันตีกลองเส็ง” ในอดีต การแข่งขันประชันความดังของกองเส็ง จะวัดจากแรงกระเพื่อมของเสียงที่พัดพาขันน้ำในการประชันของกลองสองฝั่ง ซึ่งในปัจจุบันการแข่งขันกลองเส็งจะเป็นที่รู้จักเฉพาะในหมู่บ้านที่ยังอนุรักษ์อยู่เท่านั้น และใช้เครื่องวัดเดซิเบลแบบดิจิตอลในการประชันแข่งขันแทนขันน้ำที่เราได้เห็นเป็นบุญตาจากทริปนี้ จากวัดประจำหมู่บ้าน มาสู่ร้านกาแฟเล็กๆกลางชุมชน แต่รู้ใครเล่าจะรู้ว่าร้านกาแฟเล็กๆในหมู่บ้านแห่งนี้ คือบ้านของ “ครูลุน” ตำนานครูแคนแห่งบ้านขี้เหล็กใหญ่ ครูดนตรีสากลที่เอาหลักการเรื่องโน๊ตเพลงมาใช้สอนผู้คนเล่นเครื่องดนตรีอีสาน แม้ครูลุนจะจากไปแล้ว แต่สายเลือดนักดนตรียังถูกถ่ายทอดสู่รุ่นลูกรุ่นหลานแทบไม่น่าเชื่อว่า เพียงแค่แวะดื่มกาแฟเย็นๆในร้านเล็กๆของหมู่บ้าน ก็ได้ฟังเพลงแคนอีสานจากหมอแคนระดับครู ใกล้เที่ยงแล้วก็ถึงเวลาของมื้ออาหาร ชาวบ้านในชุมชนพาเก็บวัตถุดิบท้องถิ่นอย่าง “ยอดผักขี้เหล็ก” ต้นไม้อันเป็นที่มาของชื่อหมู่บ้าน “ขี้เหล็กใหญ่” ร่วมกิจกรรมเวิร์คช็อปทำอาหารจากวัตถุดิบตามฤดูกาล ช่วงนี้หน้าฝน อีสานมีหน่อไม้ให้กินเยอะมาก และเมนูเด็ดของฤดูกาลนี้ก็คือ “หมกหน่อไม้”  นอกจากได้ลิ้มลองแกงขี้เหล็กและหมกหน่อไม้ เมนูกับข้าวพื้นถิ่นของที่นี่แล้ว ผู้ร่วมทริปยังจะได้ชิมรสชาติและรู้จัก “ข้าวลอย” ข้าวพันธุ์พื้นถิ่นจากแปลงนาของคนบ้านขี้เหล็กใหญ่ ซึ่งมีคุณประโยชน์สูงและน้ำตาลน้อย เหมาะกับผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มาของชื่อข้าวลอยนั้น มาจากลักษณะพิเศษระหว่างการเจริญเติบโตของข้าวชนิดนี้ เพราะพันธุ์ข้าวลอยสามารถยืดปล้องขึ้น และชูรวงข้าวลอยหนีน้ำ ที่มักท่วมขังสูงในทุ่งนาแถบนี้ . นอกจากมื้ออาหารกลางวันแสนอร่อยแล้ว ยังได้ฟังเพลงเพราะๆ จากวงดนตรีของชาวบ้านขี้เหล็กใหญ่ที่รวมตัวกันเพื่อต้อนรับผู้มาเยือนโดยเฉพาะ   อิ่มหนำจากมื้อเที่ยงแล้ว ก็ถึงคิวของ “แคนยาว” แคนที่ยาวที่สุดในประเทศไทย มีความยาวมากถึง 3.5 เมตร ซึ่งแคนยาวนี้มีเต้าเป่าที่แตกต่างกัน ทั้งแบบ 1 เต้า, 2 เต้า และมากสุดคือ 3 เต้า ซึ่งต้องใช้คนเป่าพร้อมกัน 3 คน . แคนยาวถูกคิดค้นขึ้นเป็นภูมิปัญญาของชุมชนบ้านขี้เหล็กใหญ่แห่งนี้โดยเฉพาะ และมีการก่อตั้ง “วงแคนยาว” ขึ้น ทำให้วงแคนยาวกลายเป็นวงดนตรีอีสานที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น สร้างชื่อเสียงให้แก่หมู่บ้านขี้เหล็กใหญ่ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ถึงเวลาฝากตัวเป็นศิษย์หมอแคน กับ “คุณตาสะอาด” ปราชญ์แคนแห่งวงแคนยาว บ้านขี้เหล็กใหญ่ ฟังและหัดเล่นเพลงแคน “ลายเจ้าพ่อ” ซึ่งเชื่อมโยงชุมชนแห่งนี้กับศาลเจ้าพ่อพญาแล สถานที่ศักดิ์คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดชัยภูมิ เสียงเพลงแคนจากหมอแคนบ้านขี้เหล็กใหญ่ เป็นหนึ่งในเครื่องไหว้สักการะ“เจ้าพ่อพญาแล” ซึ่งมีมาเนิ่นนาน ตั้งแต่อดีตรุ่นปู่ย่าตาทวด สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ส่งท้ายทริปด้วยการไปสักการะ เจ้าพ่อพญาแล และลองแสดงเพลงแคนบูชาขอพรจากเจ้าพ่อ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต สนใจเข้าไปสัมผัส “วิถีชุมชนดนตรีอีสาน บ้านขี้เหล็กใหญ่” สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/farmhoodiy หรือ โทร 086-602-6366 คุณเต้าหู้ ผู้ประสานงานชุมชน . กำหนดการ 08.00 – 9.30 น. นัดพบที่วัดบริบูรณ์ สักการะหลวงปู่เผือกและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวัด ฟังเรื่องเล่าประวัติความเป็นมาของชุมชน และเรียนรู้เรื่อง “กลองเส็ง” 9.30 – 11.00 น. สำรวจชุมชนบ้านขี้เหล็กใหญ่ พบปราชญ์ดนตรีของชุมชน และบุกบ้าน “ครูลุน” ครูดนตรีแห่งบ้านขี้เหล็กใหญ่ พร้อมพักเบรคที่ร้านกาแฟดนตรีของทายาทครูลุน 11.00 – 13.00 น. เลาะชุมชนหาวัตถุดิบตามฤดูกาล แล้วร่วมเวิร์คช็อปทำอาหารอีสาน และทานมื้อกลางวัน พร้อมฟังดนตรีจากวงดนตรีพื้นบ้านร่วมสมัย 13.00-15.00 น. ไปรู้จักกับวงแคนยาว วงดนตรีอันเป็นเอกลักษณ์ชื่อดังของบ้านขี้เหล็กใหญ่ ชมแคนยาว ขนาด 3.5 เมตรที่เล่นได้จริงและยาวที่สุดในประเทศและฝากตัวเป็นลูกศิษย์หมอแคน “คุณตาสะอาด” ปราชญ์แคนที่จะมาสอนพื้นฐานการเป่าแคนให้แก่ทุกคน 15.00-16.00น. เดินทางไปสักการะศาลเจ้าพ่อ และเสาหลักเมือง จากนั้นตั้งวงเป่าแคน ถวายเจ้าพ่อ เพื่อเป็นสิริมงคล ตามความเชื่อ ความศรัทธาของชาวบ้านขี้เหล็กใหญ่และชาวชัยภูมิ – ค่าใช้จ่าย 450 บาทต่อคน – รับจำนวน 10 – 20 คน ต่อทริป *จุดนัดหมาย ศาลาการเปรียญวัดบริบูรณ์ บ้านขี้เหล็กใหญ่ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ พิกัด https://goo.gl/maps/WHGo93mp5D4qCcs8A    

ส่องธีมหลักและความม่วนคักที่กำลังสิเกิดขึ้น: ชวนรู้จักแนวคิดหลักของเทศกาลอีสานสร้างสรรค์ 2564

ชวนรู้จักแนวคิดหลักของเทศกาลอีสานสร้างสรรค์ 2564 หรือ Isan Creative Festival 2021    พร้อมพาไปส่อง 3 อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ที่กำลังพาอีสานติดปีกบินสูงอย่างน่าจับตา แนวคิดหลักอันน่าฮักหลายเติบ เพราะอีสานมีพื้นที่แสนกว้างใหญ่ เต็มไปด้วยความสร้างสรรค์หลากหลาย และอัดแน่นด้วยความม่วนซิ่ง แนวคิดหลักของเทศกาล อีสานสร้างสรรค์ 2564 จึงจัดขึ้นภายใต้ธีม “ISAN CROSSING: อีสาน โคตรซิ่ง”  แนวคิดนี้แสนน่าฮักหลายเติบ เพราะเป็นแนวคิดที่ต้อนรับความแตกต่างอันหลากหลาย สะท้อนความร่วมมือระหว่างเครือข่าย (Crossover) เพื่อก้าวข้ามความท้าทายสู่จุดหมาย (Crossing) โดยนำเสนอโครงการและกิจกรรมจากความสร้างสรรค์อันหลากหลายของถิ่นอีสาน (Diversity) ในฐานะแพลตฟอร์มกลางที่สร้างโอกาสในการแสดงศักยภาพอย่างมีส่วนร่วมและเท่าเทียม (Inclusivity) อีกด้วย   ม่วนคัก – แซบอีหลี – งามหลาย พบ 3 อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ที่กำลังพาอีสานบินไกล เทศกาลอีสานสร้างสรรค์ 2564 ซึ่งจัดเต็มรูปแบบเป็นครั้งแรกในปีนี้ ได้มุ่งเน้นไปยัง 3 อุตสาหกรรมที่เป็นอัตลักษณ์โดดเด่นของอีสาน และมีศักยภาพสามารถพาอีสานบินไกลไประดับโลกได้ อันได้แก่ ❤️   ความบันเทิง (Entertainment) ❤️   อาหารอีสาน (Isan Gastronomy) ❤️   งานฝีมือและการออกแบบ (Craft and Design)     Entertainment  ถิ่นอีสานถือเป็นแหล่งอุตสาหกรรมบันเทิงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร แถมยังได้รับความนิยมจากคนในพื้นที่ ตลอดจนเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ความบันเทิงแบบฉบับอีสานที่โดดเด่นมีตั้งแต่ดนตรีพื้นบ้าน วงหมอลำรื่นเริง ไปจนถึงดนตรีร่วมสมัยที่ผสานกลิ่นอายอีสานเข้าไปอย่างมีเสน่ห์ นอกจากนี้ก็ยังมีด้านภาพยนตร์ที่ดินแดนนี้ผลิตสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพมากมาย ตลอดจนงานพากย์ภาษาถิ่นที่ใส่ลงไปในภาพยนตร์อย่างมีเอกลักษณ์   Isan Gastronomy นอกจากส้มตำที่ดังไกลไประดับโลกแล้ว อีสานยังเป็นแหล่งผลิตเนื้อโคขุนชั้นดีของประเทศด้วย     ใคร ๆ ต่างก็ติดใจในความแซบของอาหารอีสาน ไม่ว่าจะเป็น ส้มตำ ลาบ ก้อย หรือแม้แต่ผลิตภัณฑ์ของดีอีสานอย่างปลาร้า หม่ำ แจ่วบอง ที่ต่างก็โด่งดังไปจนถึงระดับสากลมาแล้ว แถมเสน่ห์ของตำรับอีสานในยุคนี้ก็ไม่ได้มีเพียงแค่อาหารถิ่นเท่านั้น เพราะชาวอีสานต่างนำตำรับสากลทั้งคาวและหวานมาประยุกต์สร้างสรรค์ผสานกับวัตถุดิบท้องถิ่น จนเกิดเป็นตำรับอร่อยเฉพาะตัวมากมายที่แซบหลายไม่เหมือนใคร    Craft and Design  รู้หรือไม่ว่า อีสานเป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตแห-อวนที่ใหญ่ที่สุดในโลก   อีสานนั้นสืบทอดภูมิปัญญาด้านงานถักทอและจักสานจากรุ่นสู่รุ่นมาช้านาน ดินแดนถิ่นนี้มีผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของตนมากมาย เช่น ผ้าทอ ผ้าย้อม เครื่องจักสาน ไปจนถึงภาชนะงานปั้น ซึ่งภูมิปัญญาเหล่านี้ต่างเป็นรากฐานสำคัญของวัฒนธรรมโลกมาช้านาน นอกจากนี้ ในยุคปัจจุบันก็ยังมีการสืบสานรวมถึงต่อยอดภูมิปัญญาดั้งเดิมสู่การพัฒนาให้สอดคล้องกับโลกยุคใหม่ ตั้งแต่การพัฒนาเทคนิคการผลิตบนพื้นฐานโบราณ การสร้างสรรค์ลวดลายใหม่ ๆ การออกแบบที่น่าสนใจ ตลอดจนการสร้างมูลค่าอีกมากมาย   หากอยากรู้จัก 3 อุตสาหกรรมหลักสร้างสรรค์ของชาวอีสานให้มากขึ้น มาร่วมม่วนคักทั้งทางออนไลน์ และออนไซต์  ได้ในเทศกาลอีสานสร้างสรรค์ 2564 (Isan Creative Festival 2021) กับธีม “ISAN CROSSING: อีสานโคตรซิ่ง”ระหว่าง 9 กรกฎาคม – 15 สิงหาคม 2564 นี้    ติดตามความเคลื่อนไหวและกิจกรรมที่น่าสนใจได้จาก Facebook : Isan Creative Festival Website: isancreativefestival.com Instagram: @isancreativefestival

KHON KAEN GEOPARK - PHU WIANG DISTRICT

ชวนเช็คอิน 9 จุด “ต้องห้ามพลาด!” – อำเภอภูเวียง และ เวียงเก่า จังหวัดขอนแก่น โดย อุทยานธรณีขอนแก่น (Khon Kaen Geopark) และ ศูนย์ส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA ขอนแก่น) เที่ยวสายลุยไปกับเส้นทางตามรอยตามไดโนเสาร์และสำรวจหลุมขุดค้นซากฟอสซิลกลางป่าอุทยานแห่งชาติภูเวียงร่วมเวิร์กชอป “มัดย้อมผ้าฝ้ายด้วยดินหินยุคโบราณ” ทำความรู้จักกับ “ไดโนเสาร์ 5 สายพันธุ์ที่ถูกพบในขอนแก่น”  จากพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียงพร้อมสนับสนุนสินค้าและผลผลิตการเกษตรของผู้คนในชุมชน 1.อุทยานแห่งชาติภูเวียง – Phu Wiang National Park เยือน “อุทยานแห่งชาติภูเวียง” เพื่อปฐมนิเทศสู่บ้านหลังใหญ่ของเหล่าไดโนเสาร์แห่งเทือกเขาภูเวียง อันมีพื้นที่ครอบคลุมทั้งอ.ภูเวียง อ.เวียงเก่า อ.สีชมพู อ.หนองนาคำ และ อ.ชุมแพ ซึ่งเส้นทางท่องเที่ยวของเราจะเน้นอยู่ในอ.ภูเวียง และอ.เวียงเก่า ไปเดินชมเส้นทางไดโนเสาร์ ฟังเรื่องเล่าจากหลุมขุดค้น ถึงการค้นพบชิ้นส่วนฟอสซิลไดโนเสาร์ นำไปสู่การค้นพบไดโนเสาร์สายพันธุ์แรกของประเทศไทย โดยมีหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูเวียงเป็นผู้ดูแลตลอดเส้นทาง ท่ามกลางผืนป่าและเทือกเขาในพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูเวียงแห่งนี้ คือ บริเวณพื้นที่ที่มีการขุดค้นพบฟอสซิลไดโนเสาร์มากถึง 5 สายพันธุ์ ซึ่งทางอุทยานเป็นผู้ดูแลหลุมขุดค้นรวมไปถึงเส้นทางเดินป่าสู่หลุมขุดค้นจุดต่างๆ ให้ง่ายแก่การเดินทางมาศึกษาธรรมชาติให้แก่นักสำรวจไดโนเสาร์ทุกคน 2.พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง – Phu Wiang Dinosaur Museum ตะลุยป่าไปตามหลุมขุดค้นจุดต่างๆกันมาแล้ว ก็มาสู่พื้นที่นิทรรศการ จัดกระบวนการเรียนรู้เกี่ยวกับไดโนเสาร์กันที่ “พิพิธภัณ์ไดโนเสาร์ภูเวียง” ที่นี่มีการจัดนิทรรศการเล่าเรื่องตั้งแต่กำเนิดไดโนเสาร์ ช่วงเวลายุคต่างๆที่โลกยังมีไดโนเสาร์ ก่อนจะนำไปการสูญพันธ์ในเวลาต่อมา และการค้นพบไดโนเสาร์ตามพื้นที่ต่างๆทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศไทย ที่เริ่มต้นในพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูเวียงนั่นเอง และมีการจัดแสดงห้องปฏิบัติการบรรพชีววิทยาให้ได้ตื่นตาตื่นใจไปด้วย มาทำความรู้จักกับไดโนเสาร์ 5 สายพันธุ์ ที่ถูกค้นพบในขอนแก่น ได้แก่ 1.ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน (Phuwiangosaurus Sirindhornae) ไดโนเสาร์กินพืช เดิน 4 เท้า ความยาวประมาณ 15-20 เมตร คอและหางยาว มีชีวิตอยู่ในยุคครีเทเชียสตอนต้น เมื่อประมาณ 130 ล้านปีก่อน “สิรินธรเน” เป็นชื่อชนิดของไดโนเสาร์ ตั้งขึ้นเพื่อถวายพรเกียรติแด่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ผู้ทรงสนพระทัยในงานด้านบรรพชีวินวิทยาอย่างมาก 2.กินรีไมมัส ขอนแก่นเอสซิส (Kinnareemimus Khonkaennsis) ไดโนเสาร์นกกระจอกเทศ วิ่งเร็ว ปราดเปรียว ไม่มีฟัน ความยาวประมาณ 1-2 เมตร กินทั้งพืชและสัตว์เป็นอาหาร มีชีวิตอยู่ในยุคครีเทเชียสตอนต้นเมื่อประมาณ 130 ล้านปีก่อน 3.สยามโมไทรันนัส อิสานเอนซิล (Siamotyrannus Isanensis) ไดโนเสาร์กินเนื้อขนาดใหญ่ เดิน 2 เท้า ความยาวประมาณ 6.5 เมตร มีขาหลังที่ใหญ่และแข็งแรง มีชีวิตอยู่ในยุคครีเทเชียสตอนต้น เมื่อประมาณ 130 ล้านปีก่อน 4.สยามโมซอรัส สุธีธรนิ (Siamosaurus Suteethorni) เป็นไดโนเสาร์กินเนื้อขนาดใหญ่ชนิดแรกที่พบในประเทศไทย เดิน 2 เท้า ความยาวประมาณ 7 เมตร ฟันมีลักษณะเป็นทรงกรวย มีแนวร่องและสันเรียงสลับตลอดคล้ายฟันของจระเข้ มีชีวิตอยู่ในยุคครีเทเชียสตอนต้น เมื่อประมาณ 130 ล้านปีมาแล้ว 5. ภูเวียงเวเนเตอร์ แย้มนิยมมี (Phuwiangvenator Yaemniyomi) ไดโนเสาร์ประเภทกินเนื้อ ขนาดลำตัวยาว ราว 5-6 เมตร วิ่งเร็ว กรงเล็บใหญ่ กะโหลกเรียว นับเป็นไดโนเสาร์สกุลและชนิดใหม่ของโลก อายุประมาณ 130 ล้านปี หากอยากทราบรายละเอียดของไดโนเสาร์แต่ละสายพันธุ์ และเห็นไดโนเสาร์ขนาดจริงตรงหน้า ต้องไปเยือน พิพิธภัณ์ไดโนเสาร์ภูเวียงเท่านั้น! 3.ขนมจีนเส้นสด – Fresh rice noodles “ขนมจีนเส้นสด” ร้านขนมจีนและส้มตำสุดแซ่บเป็นที่รู้จักกันดีของคนในละแวกอำเภอเวียงเก่า และใครที่ผ่านเส้นทางสู่พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง จะต้องสังเกตเห็นร้านส้มตำที่ประดับประดาด้วยธุงแมงมุมอันวิจิตรงดงาม เอกลักษณ์หนึ่งของงานศิลปะอีสาน นอกจากโดดเด่นด้วยการตกแต่งร้าน ส้มตำ และ ขนมจีนของที่นี่ไม่เป็นสองรองใครแน่นอน หากได้มาเยือนพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง ต้องได้ลิ้มรส ขนมจีนเส้นสด และ ตำแซ่บสะเดิด ในเมนู “ตำมั่ว” ของร้าน การันตีความแซ่บเลย 4.ตึกเหลือง โรงเรียนภูเวียงวิทยายน – Yellow buildings, Phu Wiang Wittayayon School โรงเรียนภูเวียงวิทยายน โรงเรียนเก่าแก่อายุ 120 ปี โรงเรียนแห่งนี้สร้างขึ้นครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่5 จากนโยบายส่งเสริมให้ประชาชาชนได้มีการศึกษาอย่างกว้างขวางและในปี พ.ศ. 2441นั้นเอง “พระศรีทรงไชย” เจ้าเมืองภูเวียง จึงริเริ่มให้มีการก่อตั้งโรงเรียนขึ้นในฐานะที่เมืองภูเวียงเป็นหัวเมืองสำคัญ ปัจจุบันพื้นที่ของเมืองภูเวียงคือ อ.ภูเวียง และ อ.เวียงเก่า ซึ่งตึกเหลืองของโรงเรียนภูเวียงวิทยายนตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.เวียงเก่า ไม่ไกลจากพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง และเป็นทางผ่านไปสู่อุทยานแห่งชาติภูเวียงเช่นกัน ต่อมาในปี พ.ศ.2468 ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นในขณะนั้น “อำมาตย์เอกพระยาบริหารราชการอาณาเขต (ยิ้ม นีละโยธิน)” ได้ของบประมาณจากทางราชการมาก่อสร้างอาคารเรียน จึงมีการก่อสร้าง อาคาร 1 ชั้นเป็นสถาปัตยกรรมแบบฝรั่งเศสผสมผสานกับสถาปัตยกรรมแบบไทย ตัวอาคารก่อด้วยอิฐโบกปูนทาด้วยสีเหลือง สีของอาคารนี้เองที่ทำให้ชาวภูเวียงรู้จักที่นี่ในชื่อว่า “ตึกเหลือง” ตึกเหลืองใช้เวลาในการก่อสร้างร่วม 5 ปี จนแล้วเสร็จ และในปี 2473 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ได้โปรดเกล้าให้โรงเรียนนี้ชื่อว่า “โรงเรียนภูเวียงวิทยายน” กว่า 85 ปีแล้วที่ตึกเหลืองตั้งตระหง่านสวยงามทรงคุณค่า และทางโรงเรียนยังใช้งานตึกเหลืองแห่งนี้อยู่เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน 5.จิบกาแฟที่ร้าน “ไดโนเฟ่” และ พักผ่อนในอ้อมกอดขุนเขาที่ “โรงแรมภูอ้อมวิลล์” – Dino Cafe and Phu-om Ville Hotel หากใครกำลังมองที่พักที่สะดวกสบาย แถมหน้ารีสอร์ทก็มีคาเฟ่ที่พร้อมเสิร์ฟกาแฟแสนอร่อยให้คุณได้ทุกเมื่อ ขอแนะนำให้มาพักที่ “โรงแรมภูอ้อมวิลล์” ห้องพักของ“โรงแรมภูอ้อมวิลล์” กว้างขวาง สะอาด เป็นส่วนตัว และสะดวกสบายด้วยเครื่องใช้ไฟฟ้าอำนวยความสะดวกครบครัน เลือกขนาดห้องได้ตามจำนวนผู้เข้าพัก บรรยากาศของรีสอร์ทถูกห้อมล้อมด้วยแนวเขาของเทือกเขาภูเวียง อากาศเย็นสบายตลอดปี และมีสโลแกนที่อยากให้ทุกคนมาพักที่นี่ว่า “พักค้างแรมที่ภูอ้อมวิว ณ หุบเขาไดโนเสาร์ 1 คืน อายุยืน 1 ปี” ด้านหน้าของโรงแรมภูอ้อมวิลล์ มีร้านกาแฟเล็กๆน่ารัก ในชื่อ “ไดโนเฟ่” ที่พร้อมเสิร์ฟกาแฟ ขนมหวาน ไปจนถึงบิงซูให้กับผู้มาเยือนเสมอ 6.กิจกรรม “ย้อมผ้า” กับ กลุ่มทอผ้า “ผ้าฝ้ายธรณิน” – Workshop ‘Tie dyeing’ with ‘Fai Thoranin: Weaving Community Group’ เส้นผ้าฝ้ายสีโอลด์โรส โทนน้ำตาลส้ม เป็นเส้นสายใยฝ้ายอันเป็นเอกลักษณ์ของ “กลุ่มผ้าฝ้ายธรณิน” กลุ่มแม่บ้านแห่งบ้านโคกม่วง อ.เวียงเก่า จ.ขอนแก่น การรวมกลุ่มกันของกลุ่มผ้าฝ้ายธรณิน เกิดจากการสานต่องานภูมิปัญญาทอผ้าสำหรับนุ่งห่มที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ ต่อยอดขึ้นอีกระดับด้วยการใช้ความรู้ด้านธรณีวิทยาจากเหล่านักสำรวจขุดค้นชั้นดินและชั้นหินในพื้นที่ภูเวียง เกิดเป็นการนำเอาดินที่ผุกร่อนจากหินทรายยุคครีเทเชียส (ประมาณ 130 ล้านปี) ซึ่งเป็นหินทรายจากยุคเดียวกับไดโนเสาร์ที่ถูกขุดพบ จากดินนั้นเองถูกมาใช้เป็นสีในการย้อมผ้า นำมาสู่ผืนผ้าที่มีอัตลักษณ์แห่งแผ่นดินภูเวียงในนาม “ผ้าฝ้ายธรณิน” กิจกรรมนี้ต้องติดต่อไปยังกลุ่มผ้าฝ้ายธรณินก่อนทุกครั้ง ทางแม่ๆจะเตรียมกิจกรรมให้ได้เรียนรู้ ที่มาที่ไปของการนำฝ้ายมาทอเป็นผืนผ้า และทำกิจกรรม DIY ย้อมผ้าด้วยสีดินจากหินยุคไดโนเสาร์เพื่อเป็นของที่ระลึกติดได้ติดมือกลับบ้าน 7.ขนมเปี๊ยะไข่ไดโนเสาร์ – Dinosaur Mung Bean Cake นอกจากของที่ระลึกอย่างผ้าฝ้ายสีดินของกลุ่มผ้าฝ้ายธรณินแล้ว หากใครกำลังมองหาของฝากติดมือกลับบ้าน ก็อยากจะแนะนำให้ได้ช็อป “ขนมเปี๊ยะไข่ไดโนเสาร์” ผลิตภัณฑ์ขนมจากความคิดสร้างสรรค์ของคนในเวียงเก่าที่ต้องการสร้างเอกลักษณ์ ด้วยการทำขนมเปี๊ยะด้วยแนวคิดที่เชื่อมโยงกับไดโนเสาร์ โดย 5 รสของขนมเปี๊ยะ ก็จะเชื่อมโยงว่าเป็นไข่ของไดโนเสาร์ทั้ง 5 สายพันธุ์ที่ถูกค้นพบในภูเวียง 8.สวนศิลป์อินทผลัม – ‘Suan Sin Intapalum’ อินทผลัม สดๆจากสวน เป็นอีกหนึ่งของฝากจากเวียงเก่าที่ไม่ควรพลาดหากได้มาเยือนถึงถิ่นแล้ว “สวนศิลป์อินทผลัม” เป็นหนึ่งไร่ที่ปลูกอินทผลัมแล้วได้ผลผลิตดี ที่สำคัญรสชาติหวานกรอบติดใจ ผลอินทผลัมสามารถกินสดได้ มีรสชาติกรอบหวานทานเพลิน พอถูกคั้นสกัดเป็นน้ำอินทผลัมก็หอม ดื่มแล้วสดชื่น ได้พลังงานจากน้ำตาลธรรมชาติเต็มๆ นอกจากอินผลัมของสวนศิลป์อินทผลัมจะอัดแน่นไปด้วยความอร่อยที่ควรเลือกซื้อหาไปเป็นของฝาก อากาศดีๆที่นี่ก็เป็นบรรยากาศเหมาะแก่การพาคนรักมาเดินเล่นเปลี่ยนบรรยากาศอีกด้วย 9.วัดถ้ำผาเกิ้ง – Wat Tham Pha Keng Temple ก่อนออกจากพื้นที่ของภูเวียงและเวียงเก่า ก็ควรที่จะแวะไปไหว้พระ เพื่อเป็นสิริมงคลก่อนกลับบ้าน กันที่ “วัดถ้ำผาเกิ้ง” วัดถ้ำผาเกิ้งเป็นสถานปฏิบัติธรรมทางพระพุทธศาสนา บรรยากาศร่มรื่นสถานที่กว้างขวาง ตั้งอยู่บนเทือกเขาภูเวียง มีการสร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ตั้งตระหง่านแผ่บารมีแห่งพระพุทธศาสนาโดยมีรูปปั้นพญานาคและเสาอโศกเคียงข้าง   เพื่อให้การท่องเที่ยวครั้งนี้สมบูรณ์ และเดินทางกลับด้วยความสบายใจ การได้ไหว้พระขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาด หากใครกำลังวางแผนอยากไปสำรวจเส้นทางไดโนเสาร์ ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือช่วยเหลือประสานงานสามารถติดต่อได้ที่ “อุทยานธรณีขอนแก่น (Khon Kaen Geopark)”